PERFUME 101: ความรู้พื้นฐานด้านน้ำหอม
top of page

PERFUME 101: ความรู้พื้นฐานด้านน้ำหอม

น้ำหอมเปรียบเสมือนศิลปะแขนงหนึ่งที่มีมนต์เสน่ห์น่าหลงใหลและน่าค้นหา หากเราสังเกตรอบ ๆ ตัวเราจะพบว่าสิ่งของและบรรยากาศหลาย ๆ อย่างต่างมีกลิ่นอายเป็นของตนเอง ซึ่งทำให้เราจดจำและซึบซับได้อย่างได้อย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่หลับตานึกถึงบรรยากาศหรือสิ่งของเหล่านั้นเรามักจะจดจำกลิ่นของสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดี เช่น กลิ่นบรรยากาศหลังฝนตก, กลิ่นบรรยากาศภายในบ้าน, กลิ่นเตียงนอน และอื่น ๆ

perfume101

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านบริการรับออกแบบกลิ่นน้ำหอมของเรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันค่ะ โดยในบทความนี้จะกล่าวถึง "ความรู้พื้นฐานน้ำหอม" เริ่มจาก "กงล้อน้ำหอม" เป็นเครื่องมือแสดงถึงประเภทของกลิ่น แบ่งประเภทน้ำหอมตามส่วนประกอบหลักที่ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น

  • โทนWoody หรือโทนไม้ จะให้ความรู้สึกอบอุ่น แข็งแรง มีความเป็นผู้ชาย

  • โทนFlorol หรือดอกไม้ จะให้ความรู้สึกอ่อนหวาน มีความเป็นผู้หญิง

  • โทนAquaticหรือโทนน้ำ จะให้ความรู้สึกสบาย เข้าถึงง่าย ทันสมัย โปร่ง

  • โทน Aromaticหรือกลุ่มสมุนไพร จะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ

  • โทนGreeny หรือโทนกลิ่นเขียว จะให้ความรู้สึกสะอาดสดชื่น แบบใบไม้หรือหญ้าตัดใหม่


TIPS:

*วิธีเก็บรักษาน้ำหอม: เก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน ไม่ควรเก็บในตู้เย็น เนื่องจากสารหอมบางชนิดสามารถตกผลึกในอุณหภูมิที่ต่ำได้



พีระมิดน้ำหอม มีความสำคัญอย่างไร

วัตถุดิบของน้ำหอม มีการจัดจำแนกของการกระจายตัวของกลิ่น ตามขนาดโมเลกุลของสารประกอบนั้น เช่น ในกลุ่ม Citrusy มวลโมเลกุลของสารประกอบมีขนาดเล็ก จึงทำให้เกิดการระเหยได้ง่าย การกระจายกลิ่นสูง จัดเป็นหมวด Top Note แต่ในกลุ่ม Woody มวลโมเลกุลมีขนาดใหญ่ทำให้อัตราการระเหยช้า การกระจายกลิ่นต่ำ ด้วยสาเหตุนี้ทำให้นักน้ำหอมนำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้เพื่อให้ได้น้ำหอมตามที่ต้องการ



TIPS:

*การสื่อสารเกี่ยวกับน้ำหอมมักจะใช้คำร่วมกับทางดนตรี เนื่องจากการขั้นตอนการทำน้ำหอมชั้นสูง Fine Fragranceจะมีการร้อยเรียงส่วนผสมแต่ละตัวตั้งแต่ 40ถึง 100ชนิด เพื่อบรรเลงพร้อมกันเหมือนเสียงเพลง

ทำให้มีการเรียกกลิ่นที่ระเหยในช่วงเวลาต่างๆกันเป็นโน๊ต เช่น ท้อปโน๊ต มิดเดิ้ลโน๊ต เบสโน๊ต และโต๊ะทำงานของนักน้ำหอมก็จะถูกเรียกว่าออร์แกน (Organ) ตามเครื่องดนตรีเช่นกัน


อะไรคือ EDP..EDT..EDC ?

ปัจจุบันมีการจำแนกหมวดน้ำหอมตามความเข้มข้นหัวน้ำหอม และสามารถบ่งบอกช่วงเวลาในการคงอยู่ของกลิ่นอีกอย่างหนึ่ง แต่ในแง่ของผู้ใช้น้ำหอมสามารถเลือกประเภทน้ำหอมตามวาระโอกาสได้ เช่น หากต้องการใด้กลิ่นระหว่างวันทำงานอาจเลือกเป็น EDP เพื่อให้กลิ่นคงทนอยู่ได้ตลอดทั้งวัน หรือ หากต้องการกลิ่นหอมบางๆหลังอาบน้ำให้ใช้ Body Mist จะทำให้รู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น

TIPS:

Eau De = แปลว่า น้ำของ... เช่น Eau de Cologne แปลว่า น้ำแห่งเมืองโคโลญน์ ซึ่งเป็นที่มาของการทำสูตรโคโลญน์ที่นิยมในปัจจุบัน

Eau de Toilette เมื่อแปลตรงตัวจะเป็นน้ำของห้องน้ำ แต่ความหมายคือ น้ำหอมสำหรับพรมผมและร่างกาย สมัยก่อนจึงนิยมใช้ก่อนแต่งตัว

Eau de Parfum แปลตรงตัวคือ น้ำของน้ำหอม เมื่อมีคำว่าน้ำนำหน้าน้ำหอม จึงหมายถึงน้ำหอมที่มีการเจือจางความเข้มข้น ทำให้มีความเข้มข้นต่ำกว่า Parfum




Featured Posts

Recent Posts

Archive

Search By Tags

Follow Us

  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page